[One-shot] Goodbye.. “My Love” [TAENY]
If you really love something.. You have to know how to let go.
ผู้เข้าชมรวม
1,030
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ฉันมีอะไรจะบอกล่ะ”
“ฉันน่ะ.. รักเธอมากๆเลยนะ”
“จริงๆนะ ฉันน่ะ.. รักเธอมากๆเลย”
“นี่.. ฟังกันอยู่หรือเปล่า”
“ฟานี่อา.. เธอได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?”
ยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเธอ..
..ผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุด..
ท่าทางที่นิ่งเฉย เงียบ และไม่ไหวติงของเธอกำลังทำให้ฉันกลัว..
ฉันหยุดมือที่โบกไว้แล้วเก็บมันแนบเข้าข้างลำตัว สายตาจับจ้องไปยังคนตรงหน้า
แววตาของเธอเรียบนิ่งและ.. ว่างเปล่า..
หากมองไกลๆแล้วก็เหมือนเธอกำลังมองฉัน แต่จริงๆแล้วเธอไม่ได้มองฉัน เธอแค่กำลังมองอะไรสักอย่าง
..แต่ผ่านตัวฉันไป..
เธอยังยืนอยู่แบบนั้น ยืนอยู่ตรงข้ามฉัน และแววตาของทิฟฟานี่ยังคงว่างเปล่า..
ฉันจะทำอย่างไรดี?
ก้มหน้าลงมองข้างล่างก็พบว่าเป็นพื้นหญ้า หันไปมองรอบๆก็เห็นถนนทางด้านซ้าย และมีแม่น้ำไหลผ่านทางด้านขวา ฉันยกมือขึ้นป้องแสงแดดยามเย็นที่ส่องกระทบน้ำขึ้นมาแยงตาเล็กน้อย
ที่นี่คือที่ไหนนะ? แล้วฉันมาอยู่กับเธอได้ยังไง?
ไม่รู้สิ.. ฉันนึกอะไรไม่ออกเลย..
เธอก็ยังคงมองผ่านฉันไปแบบนั้น มองแบบไร้จุดหมาย ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอมองอะไร
ฉันตัดสินใจมองจ้องกลับไปที่เธอ ตั้งใจมองแววตาที่ว่างเปล่านั่น เผื่อจะเจออะไรก็ได้
“................................................”
ต่างคนต่างนิ่ง ต่างคนต่างมองกัน ..เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้..
ฉันยอมแพ้..
ไม่เห็นจะมีอะไรเลย..
ฉันก้มลงมองพื้นอีกครั้ง พลันเสียงแหบแห้งที่แสนมีเสน่ห์นั้นก็เรียกฉันขึ้นมา
“แท.. ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาทิฟฟานี่ในทันที
“ว่าไง?”
“ฉันเหนื่อย.. ” แววตาที่ว่างเปล่ากลับเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังและดูท้อแท้
“ฉันขอโทษ”
“อืม.. ”
สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอยู่นาน.. ต่างคนต่างเงียบเหมือนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี.. ผู้คนเริ่มออกมาหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น เสียงรถราต่างๆรอบตัวเริ่มดังขึ้น
..สัญญาณแห่งการจากลาเริ่มปรากฏเค้าลาง..
“กลับกันมั้ย?” และเป็นทิฟฟานี่ที่เอ่ยชึ้นมาทำลายความเงียบ..
“ฉันยังไม่อยากกลับ.. ” เพราะหากกลับไปแล้ว คงจะ..
“กลับกันเถอะแท.. มันเย็นแล้ว” ทิฟฟานี่ย้ำอีกครั้ง
“ถ้ากลับไปแล้ว.. เราจะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยล่ะ?” ฉันมองหน้าเธอ..
“อย่าถามอะไรที่แทก็รู้คำตอบดีเลย.. กลับกันเถอะ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมองเห็น ถ้ามืดแล้วอาจจะมองอะไรไม่เห็นเลยก็ได้นะ” น้ำเสียงและแววตาที่ดูเว้าวอนของเธอมันทำให้ฉันยอมจำนน..
“กลับ.. ก็ได้.. ” เอื้อมมือไปจับมือของทิฟฟานี่มากุมไว้ แล้วออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามมาด้วยกัน
‘ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยอะไร.. ขอโทษนะฟานี่ มันเป็นเพราะตัวฉันเองนั่นแหละ ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องรอเวลาฉันทำงานนานๆ ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องคอยบ่นฉันเวลาดื้อ รู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องคอยโทรหา คอยทักฉันเวลาที่เงียบหายไป รู้ว่าเธอเหนื่อยกับการที่ต้องคอยปรับอารมณ์ตามฉัน รู้ว่าเธอเหนื่อยกับฉัน.. เธอเหนื่อยกับฉันมามากพอ.. ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ..’
ทางกลับบ้านที่ปกติแล้วต้องใช้เวลาประมาณนึงกว่าจะถึง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้มันเหมือนสั้นลง..
ตรงหน้าของฉันคือถนนสองสาย.. ทางหนึ่งไปบ้านเธอ อีกทางหนึ่งไปบ้านฉัน ทางแยกที่เดินผ่านประจำเวลาไปส่งเธอ วันนี้ใจฉันกลับรู้สึกหวิวเหลือเกิน..
ฉันหันกลับมาประจันหน้าเธอทั้งๆที่ยังจับมือ.. มองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ฉันหลงรัก ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความสิ้นหวังในแววตา..
ยังมีอะไรอีกมากมายที่ฉันยังไม่ทันได้พูด แต่ถึงอยากจะพูด ตอนนี้ฉันก็พูดไม่ออก อาการตีบตันในลำคอมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ เช่นในตอนที่เราตื่นเต้นดีใจ ตื้นตัน หรือแม้กระทั่งในช่วงที่ต้องจากลา
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ไฟทางจากถนนเริ่มทำงาน และเรายังคงยืนอยู่ตรงทางแยกนั่น..
“.........................................” ความเงียบกำลังก่อตัวขึ้น เช่นเดียวกับความกลัวที่กำลังแผ่ขยายเข้ามาในจิตใจ
ริมฝีปากบางขยับนิดๆ ทิฟฟานี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบแล้วก้มหน้าลงไป
ความมืดโรยตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรายืนอยู่แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
..ไม่มีคำพูดใดที่จะเอื้อนเอ่ย..
..ไม่มีบทสนทนาอย่างวันวาน..
..ไม่มีเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขของเรา..
..ไม่มีตายิ้มที่ฉันหลงรัก..
..ไม่มีแม้แต่การที่เธอจะหันมามองฉันแม้แต่น้อย..
ฉันรู้ดี..
ว่าอีกสักพักนึง
คงจะ..
..ไม่มีเรา..
อากาศเริ่มเย็นขึ้น ฉันสังเกตเห็นเธอลูบแขนเบาๆ ฉันพยายามกระชับมือให้แน่นขึ้น เผื่อจะช่วยให้ความอบอุ่นกับเธอได้บ้าง แต่ก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์เลย.. มือของเธอยังเย็นอยู่เช่นเดิมและยังคงแบออกอยู่อย่างนั้น..
“ฟานี่.. ”
เราเงียบกันมานานแล้ว..
“หืม?”
“ตัดสินใจแล้วใช่มั้ย?”
เราเงียบกันมานานเกินไป..
“......................................” เธอมองหน้าฉันตรงๆ ติ้วสวยขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น ตายิ้มคู่นั้นมองตรงมาที่ฉันอย่างชั่งใจ
“..................................... ” ถึงจะถามออกไปแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าฉันจะพร้อมฟังคำตอบ
‘ขอร้องล่ะฟานี่.. ช่วยบอกฉันทีว่าเธอยังไม่ได้ตัดสินใจ’
“ฉัน.. ” ทิฟฟานี่ยังคงมองตรงมาที่ฉัน แต่คราวนี้เธอไม่ได้มองผ่านกันไป สีหน้าที่ดูสับสนนั่นทำให้ฉันยังพอมีหวัง บางทีเธออาจจะไม่ได้คิดเรื่องที่ฉันถามด้วยซ้ำ
“ฉันตัดสินใจแล้วแท.. ”
ประโยคสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากเธอ เหมือนค้อนอันโตที่ทุบลงมากลางศีรษะของฉัน มันทั้งเจ็บปวด และมึนงง น้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของฉัน ลำคอแห้งผากและตีบตันไปหมด หูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น ราวกลับประสาทการรับรู้ของฉันถูกตัดขาดลงเมื่อสิ้นเสียงของเธอ
ทิฟฟานี่ส่ายหน้าน้อยๆ ยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบา
นั่นทำให้ฉันเห็นว่าเธอยิ้ม.. ยิ้มให้ฉันทั้งน้ำตา.. แต่ก็เป็นเพียงยิ้มฝืนๆเท่านั้น ฉันเอื้อมมือขึ้นจะเช็ดน้ำตาให้ แต่เธอกลับยั้งไว้แล้วส่ายหน้า
“เรา.. กลับกันเถอะนะ เหนื่อยกันมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะแท”
‘นั่นสินะ.. เราคงจะเหนื่อยกันมาพอแล้ว บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องพักแล้วก็ได้ ฉันไม่ควรทำตัวงี่เง่าแบบนี้’
“อื้ม ถ้างั้น.. กลับบ้านดีๆนะฟานี่”
“กลับบ้านดีๆเหมือนกันล่ะแท” เธอยิ้มให้ฉัน แต่คราวนี้เราทั้งคู่ไม่มีน้ำตาแล้ว
“ให้ฉันไปส่งมั้ย?”
‘ฉันอยากไปส่งเธอเหมือนที่ผ่านมา.. ‘
“ไม่ต้องหรอก ลำบากแทเปล่าๆ ต่อไปนี้ฉันคงต้องหัดกลับบ้านคนเดียวบ้างแล้วล่ะ” ทิฟฟานี่ปล่อยมือข้างที่จับฉันไว้ ตอนนี้เหลือเพียงข้างที่ฉันจับไว้ตอนแรกเท่านั้น เธอไม่ได้เร่งเร้าให้ฉันปล่อยมือ เธอไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันก็รู้ได้ว่าฉันควรจะปล่อยมือเธอไปสักที
“งั้น.. กลับบ้านดีๆนะแท” ฟานี่ย้ำ หลังจากที่ฉันปล่อยมือแล้ว
เธอหันหลังให้แล้วเดินตรงไปยังบ้านของเธอ ฉันยังยืนอยู่ตรงทางแยกนั่น แล้วมองเธอที่ค่อยๆเดินห่างไป บ้านเธออยู่ไมด้อยู่ไกลจากทางแยกนั้นมากนัก อย่างน้อยฉันก็ยังมองเห็นเธอเข้าบ้านได้จากตรงนี้
ทิฟฟานี่ถึงบ้านแล้ว.. ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม..
เมื่อเดินเข้าไปแล้วล็อคประตูบ้านเสร็จเรียบร้อย เธอหันมามองฉันที่ยืนอยู่ ยิ้มตาปิดที่ไม่ได้เห็นมานาน วันนี้ฉันได้เห็นอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นโบกไปมา
“กลับบ้านได้แล้วแท ยืนอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
ฉันยิ้มตอบแล้วยกมือขึ้นโบกกลับ แต่ทว่ายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
ทิฟฟานี่คงถอดใจที่เห็นฉันยืนนิ่งๆไม่กลับบ้านอย่างที่เธอบอกสักทีจึงยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าบ้านไป
แต่ก่อนที่เธอจะพ้นประตูเข้าไปนั้น ฉันตัดสินใจตะโกนบางอย่างออกไป
“......................................................”
เธอทำหน้าประหลาดใจที่ได้ยินสิ่งที่ฉันตะโกนไป แต่ก็พยักหน้าน้อยๆแล้วยิ้มให้ฉัน ยิ้มตาปิด.. แบบที่เธอและฉันชอบ
ทิฟฟานี่เข้าบ้านไปแล้ว ฉันเองก็คงต้องกลับบ้านจริงๆสักที..
ลมหนาวพัดมา ชวนให้ขยับเสื้อกันหนาวกระชับกายแน่นขึ้น อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
‘ฤดูหนาวกำลังมาเยือนแล้วสินะ แต่ฤดูหนาวปีนี้คงไม่เหมือนปีก่อนๆ เพราะฉันไม่ได้มีเธอข้างๆแล้ว.. ‘
ก้าวเท้ายาวๆเพื่อที่จะได้ถึงบ้านเร็วๆ และจะได้ไม่เป็นหวัดอย่างที่ฟานี่บอก ต่อไปนี้ฉันเองก็คงต้องดูแลตัวเองซะบ้างแล้วล่ะ ก็ไม่มีใครมานั่งบ่นแล้วนี่นา..
นึกถึงตอนที่ตะโกนออกไปแล้วก็แอบแปลกใจอยู่นิดๆ ฉันคิดว่าเธอจะเมินเฉยแล้วเดินเข้าบ้านไปเลยซะอีก แต่กลับหันมายิ้ม.. ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ นั่นหมายความว่าเธอยังไม่ได้เกลียดฉันไปใช่มั้ย??
ปิดประตูบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา ฮีตเตอร์ที่เปิดไว้เริ่มทำงาน เปลือกตาของฉันหนักอึ้ง หัวมันตื้อไปหมด คงถึงเวลาที่ฉันต้องพักบ้างแล้ว..
อีกอย่างนึงที่ฉันแปลกใจ.. คือคำที่ฉันตะโกนออกไปนั่นแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนั้นมันโผล่มาในหัวได้ยังไง ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะให้ประโยคนี้ รู้ตัวอีกทีก็ตะโกนออกไปสุดเสียงแล้ว..
“.....................................................................”
-The End-
เม้ามอยก่อนไป :
จบแล้วเนอะ จบแล้วล่ะ 5555555555555555 ไม่มีภาคต่อแน่นอน จะว่าไงดีล่ะ? คือมันก็ไม่ได้เศร้ามากมายอะไรขนาดนั้นนะคะ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ก็เหมือนกับลงมาอยู่ในที่ๆน่าจะพอดีกับแต่ล่ะคน ไม่อึดอัดมากไป แต่ก็ไม่ห่างมากเกินไป ยังไงพี่แทก็ดูแลฟานี่ได้อยู่แล้วแหละเนอะ ^^ #บรรดาฟิคที่แต่งมาทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริงของไรเตอร์เอง เพียงแค่สถานที่และบทสนทนาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามความเหมาะสม คนที่เคยขอหวานๆมาคงจะยากแล้วล่ะค่ะ 5555555555555555555555
-----------------------------------------------------------------------------------------
โอเค อาจจะมีคนไม่เข้าใจ แล้วก็อาจจะงงว่า ไปยืนคุยกันทำไม? ประโยคที่บอกคืออะไร? จะบอกว่า.. ในฟิคเรื่องนี้ ทุกประโยคมีความหมายแฝงไว้ทั้งนั้นนะคะ ถ้าเข้าใจความหมายที่ไรเตอร์แฝงไว้ จะรู้ว่าประโยคที่พี่แทตะโกนออกมาคืออะไร? แล้วการที่มายืนคุยกันคืออะไร? ทำไมต้องเป็นตรงทางแยก? ลองวิเคราะห์ดูอีกทีนะคะ กะว่าเดี๋ยวจะเอาเรื่องนี้ลงบอร์ดดู อยากรู้ว่าคนในบอร์ดจะคิดยังไงกันบ้าง 555555555555555555555
ผลงานอื่นๆ ของ Serenity39 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Serenity39
ความคิดเห็น